น้ำยาสำเร็จรูป สำหรับวัดปริมาณไอโอดีนในเกลือ (I-Reagent) ใช้ได้ทั้งในห้องปฏิบัติการและภาคสนาม |
I-Reagent เป็นน้ำยาสำเร็จรูปขวดเดียว สำหรับใช้วัดปริมาณไอโอเดทในเกลือในขั้นตอนเดียว สามารถใช้ได้ทั้งในห้อง lab และภาคสนาม ทำให้ควบคุมคุณภาพของเกลือได้สะดวก และกว้างขวางขึ้น ทั้งจากฝ่ายสาธารณสุขจังหวัดเองและจากโรงเรียนในท้องถิ่น |
หลักการที่ใช้วัดปริมาณไอโอดีนในเกลือ ซึ่งไอโอดีนที่ใช้เสริมในเกลืออยู่ในรูปของไอโอเดท ในวิธีการนี้จะใช้น้ำยาสำเร็จรูปผสมกับเกลือเพียงขั้นตอนเดียว ถ้าเกลือมีไอโอดีนก็จะมีสีน้ำเงิน | |
![]() |
|
การที่เกิดสี เพราะโมเลกุลของไอโอดีน จะสอดแทรกเข้าไปในเกลียวของสารละลายแป้ง เกิดเป็นสารเชิงซ้อนที่มีสี จากสีน้ำเงินไปจนเป็นสีม่วงและสีน้ำตาลตามสัดส่วนของสาร และรูปทรงของแป้ง
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับน้ำยา ได้สารละลายสีน้ำเงินที่มีความเข้มของสีเป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณไอโอเดทในช่วง 0-100 พีพีเอมไอโอดีน ซึ่งความเข้มของสีน้ำเงินจะวัดได้โดยใช้ spectrophotometer หรือ colorimeter ที่ความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร |
![]() |
การใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว |
น้ำยาสำเร็จรูป I-Reagent นี้ เป็นน้ำยาที่มีองค์ประกอบที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และวิธีใช้งานง่ายมาก กล่าวคือ ในวิธีการวัดมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ | ||
1. ชั่งตัวอย่างเกลือ 0.1 กรัม ใส่หลอดทดลอง |
||
2. เติมน้ำกลั่น 0.5 ml แล้วเขย่าให้เกลือละลาย |
||
3. ใส่ I-Reagent จำนวน 3 ml เขย่าให้เข้ากัน |
||
4. วัดสีโดยใช้เครื่องมือวัดสี (visible spectrophotometer หรือ colorimeter อย่างง่าย ๆ) ที่เวลาเท่าใดก็ได้หลังจากเวลา 5 นาที (ถ้าไม่มีเครื่องวัดสี เทียบกับหลอดมาตรฐานได้) |
||
|
|
![]() |
![]() |
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับ I-Reagent มีความคงทนเป็นวัน |
สีที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาระหว่างไอโอเดทในเกลือกับ
I-Reagent มีความคงทนเป็นวัน ทำให้สามารถวัดตัวอย่างได้ครั้งละมาก ๆ ทำให้ใช้เวลาในการวิเคราะห์สั้นมาก
และสามารถเลือกวัดในเวลาที่สะดวกได้
|
![]() |
I-Reagent มีความแม่นยำสูง |
วิธีการวัดปริมาณไอโอเดทในเกลือเสริมไอโอดีนโดยใช้ I-Reagent นี้มีความแม่นยำสูงในระดับ 3-100 พีพีเอมไอโอดีน ดังที่ดูได้จากค่า % coefficient of variation ที่นอกจากจะมีค่าไม่เกิน 10 แล้ว ยังมีค่าค่อนข้างต่ำ กล่าวคือการวิเคราะห์ที่ 3 พีพีเอมไอโอดีนมีค่า % CV ประมาณ 3.5 ขณะที่การวิเคราะห์ที่ช่วงสูง 10-100 พีพีเอมไอโอดีน มีค่า % CV ประมาณ 0.43-1.7 |
||||||||
ความแม่นยำของการวัดโดยใช้ I-Reagent |
||||||||
|
![]() |
I-Reagent ใช้แทนไตเตรชั่นได้ |
วิธีการหาปริมาณไอโอดีนโดยใช้น้ำยาสำเร็จรูป I-Reagent สามารถใช้ทดแทนวิธีการเดิมที่ใช้กันในปัจจุบันคือ titration ซึ่งไม่สะดวกนัก และยังคงใช้เวลานานต่อหนึ่งตัวอย่าง ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ทำให้ไม่สามารถวัดปริมาณไอโอเดทในตัวอย่างเกลือเสริมไอโอดีนจากโรงงานเกลือ และแหล่งผลิตเกลือต่าง ๆ ได้ทันต่อเวลา ซึ่งเป็นปัญหาในการควบคุมมาตรฐานของเกลือเสริมไอโอดีนทั่วประเทศ ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงสาธารณสุข |
เปรียบเทียบความถูกต้องระหว่างวิธีวัดสีและวิธีไตเตรชั่น |
![]() |
เมื่อเทียบกับวิธีมาตรฐาน คือ titration พบว่าค่า ppm ไอโอดีนที่ได้จาก I-Reagent ได้ผลไม่ต่างไปจากวิธี titration เลย ดังจะดูได้จาก correlation coefficient มีค่าเท่ากับ 0.9887 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทั้ง 2 วิธีการมีความสัมพันธ์กันสูงมาก นอกจากนี้การวิเคราะห์ด้วย pair t-test ก็สนับสนุนผลของ correlation coefficient ว่าทั้ง 2 วิธีให้ผลการวิเคราะห์ที่ไม่ต่างกัน และจากการใช้สถิติ kappa analysis ซึ่งได้ค่า kappa สูงถึง 0.924 แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 วิธีนี้มีความสอดคล้องกันดีมาก |
ประโยชน์ของ
I-Reagent ![]() |
![]() |
การตรวจไอโอดีนในเกลือโดยวิธีวัดสีมีขั้นตอนน้อย สามารถถ่ายทอดให้คนได้ง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้สอนภาคปฏิบัติการในโรงเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลาย โดยเฉพาะในโรงเรียนที่มีเครื่องมือ spectrophotometer หรือแม้แต่เครื่องมือวัดสีอย่างง่าย ๆ เพราะจะให้ประโยชน์ ทั้งด้านหลักการทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสุขภาพ และด้านโภชนาการ และยังเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม ขณะที่ค่าใช้จ่ายของปฏิบัติการนี้ต่ำมาก |
![]() |
![]() |